ตอนที่ 14
“คุณพี”
ปฐพีชะงักเท้าที่กำลังจะเดินขึ้นห้องเพราะเสียงเรียกแผ่วๆจากมุมมืด จิตรินเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยชุดนอน สีหน้าท่าทางเหมือนคนลำบากใจ
“ยังไม่นอนอีกหรือ”
คนถูกถามส่ายหน้าไปมาเดินเข้าหาร่างสูงช้าๆ อย่างไม่ค่อยมั่นใจ
“กลับดึกนะครับ”
ปฐพีไม่ตอบเพราะไม่อยากบอกเหตุผล ก็จะให้บอกได้อย่างไรว่าตั้งแต่จิตรินย้ายตัวเองไปนอนที่ห้องเอิร์ธ ปฐพีก็นึกไม่อยากกลับไปในห้องนอนแล้วต้องนอนคนเดียวอีก มันเหมือนตัวเองเป็นเด็กขี้เหงา ปฐพีไม่คิดว่ามันจะเหมาะนักหากว่าคนอายุขนาดเขาจะคิดอะไรแบบนี้
“พักนี้คุณกลับดึกทุกวันเลย”
คนฟังยิ้มบนใบหน้า ถึงจะไม่ได้นอนห้องเดียวกัน แต่เขาก็รู้แล้วว่าจิตรินไม่ได้มองเมินไม่สนใจเขา อย่างน้อยๆคนตรงหน้านี้ก็ใส่ใจพอจะรู้ว่าเขากลับดึก
ปฐพีเอื้อมมือไปกุมมือบางไว้แล้วพาให้เดินขึ้นบันไดมาด้วยกัน
“งานผมเยอะนิดหน่อย แล้วคุณทำไมยังไม่นอน”
พอถามแล้วจิตรินก็ก้มหน้างุดๆ
“ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ”
พูดจบคนทั้งสองก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องพอดี
“ไปคุยกันในห้องไหม หรือว่าอยากคุยกันตรงนี้”
ปฐพีถามอย่างอ่อนโยน เขาไม่ได้ประชดเพราะไม่ได้นึกโกรธจิตรินเลยสักนิดที่ย้ายห้องหนีไป ถึงจะยอมรับว่าเหงา หรือน้อยใจในช่วงแรกๆ แต่เขาก็พยายามที่จะเข้าใจจิตรินให้ได้มากที่สุด
“ในห้องก็ได้ครับ”
หลังจากทั้งสองเข้ามาในห้อง จิตรินก็ช่วยปฐพีถอดเนคไทอย่างเคย ร่างสูงขอตัวไปอาบน้ำ ใช่ว่าไม่อยากคุย แต่ปฐพีรู้ว่าจิตรินเองก็ยังไม่พร้อมนัก เขาจึงอยากให้เวลาอีกสักนิด
หลังจากอาบน้ำแล้วปฐพีมองเห็นชุดนอนถูกเตรียมไว้อย่างเรียบร้อยทำให้อดยิ้มไม่ได้ นึกดีใจที่ในห้องนี้มีอีกคนนั่งอยู่ เขาแต่งตัวเงียบๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายได้นั่งทบทวนว่าต้องการจะพูดอะไร
ปฐพียอมรับว่ากลัว กลัวว่าสิ่งที่จิตรินจะมาพูดเป็นเรื่องไม่น่าฟังอย่างเช่นต้องการจะออกไปจากบ้านนี้ แต่ปฐพีก็จะรับฟัง และหากมันเป็นอะไรที่ตนนึกกลัว ปฐพีจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามที่คิดเด็ดขาด
“ว่าไงครับ”
ปฐพีเดินมานั่งลงข้างๆ มือหนารวบเอวอีกฝ่ายเข้าใกล้และจิตรินก็ไม่ได้ต่อต้านการสัมผัสนั้น
“เรื่องพี่จิตตา”
จิตรินเอ่ยแล้วเหมือนไม่รู้ว่าจะเลือกใช้คำไหนต่อดี ทั้งๆที่คิดคำไว้มากมาย แต่เมื่อเอาเข้าจริงๆก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องเริ่มพูดจากตรงไหน
“เรื่องจิตตา ถ้าเขาจะกลับมาในฐานะแม่ของเอิร์ธ ผมก็ไม่ขัดข้อง แต่ก็เป็นได้แค่นั้น เขาเป็นแม่ของลูกผม ผมปฏิเสธความจริงเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ที่ข้างๆผม ตอนนี้เป็นของคุณเท่านั้น”
จิตรินเงยหน้าขึ้นมองคนพูดแล้วก็ได้สายตาจริงจังจ้องกลับมา
“ผมดีใจที่คุณมาคุยกับผมเรื่องนี้”
ปฐพีว่าแล้วใช้มือเกลี่ยไปข้างแก้มใส จิตรินหลุบสายตาลงมองกระดุมเสื้ออีกฝ่าย เมื่อสายตาที่ปฐพีใช้จับจ้องตนเองนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน มากเสียจนใบหน้าเนียนขึ้นสีระเรื่อย
“ผมก็ดีใจที่เลือกมาคุยกับคุณก่อน”
เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ รู้สึกขอบคุณธาราที่ช่วยเตือนสติไม่ให้คิดเองเออเองแล้วตัดสินใจอะไรเองอย่างที่แล้วๆมา
“คุณควรจะรีบกลับออกไปก่อนที่ผมจะคุมตัวเองไม่ได้”
เสียงปฐพีทำให้จิตรินต้องเบนสายตากลับมาอีกครั้ง ใบหน้าร่างสูงตอนนี้ห่างไปไม่ถึงคืบ ลมหายใจคลอเคลียที่ข้างแก้มใส จิตรินหลบสายตาอีกครั้ง หากแต่ไม่ได้หลบลี้ไปจากอ้อมกอดแกร่งนั่นเลยสักนิด
“ห้องผมอยู่นี่ คุณจะไล่ผมไปไหนล่ะครับ”
มันเป็นคำตอบรับใช่ไหม เถอะ ปฐพีจะคิดว่ามันเป็นคำตอบรับ ไม่ว่ามันจะใช่ไม่ใช่ยังไงเขาก็ยังจะคิดแบบนั้นอยู่ดี
ปฐพีจับปลายคางอีกฝ่ายไว้เบาๆ เรียกร้องให้จิตรินต้องสบสายตากับตนเองก่อนที่ริมฝีปากเคลื่อนเข้าหากันราวกับต้องมนตร์ ลิ้นร้อนเลาะชิมความหวานในเรียวปากบางอย่างอ่อนโยน ลมหายใจของทั้งคู่ผสานกันจนไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร จิตรินตัวเบาหวิวอ่อนยวบไม่ได้รับรู้ถึงแรงอันแผ่วเบาที่ปฐพีใช้เพื่อประคองตนเองนอนลงบนที่นอนเลยสักนิด สำหรับปฐพีเขารู้สึกเพียงว่าความหอมหวานที่สัมผัสได้จากร่างข้างใต้นี้มีแต่จะทำให้อารมณ์ยิ่งเพิ่มทวีขึ้นเท่านั้น
ปฐพีถอนริมฝีปากออกเมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ขาดห้วง ดวงหน้าเนียนขึ้นสีเรื่อเมื่อพบว่าปฐพีกำลังใช้สายตาสำรวจร่างกายราวกับจะมองทะลุชุดนอนที่ใส่อยู่อย่างนั้น
“คุณพี”
เรียกเพราะเขินอายเกินกว่าจะนิ่งรับสายตาร้อนแรงที่ส่งมาได้ และปฐพีก็ไม่ได้แกล้งให้จิตรินต้องอายนานนัก มือแกร่งประคองใบหน้านวลแล้วก้มลงจุมพิตอีกครั้ง ลึกล้ำหวานซึ้งอย่างเคย ลิ้นร้อนๆสำรวจไปทั่วก่อนจะรุกล้ำเพื่อลิ้มรสความหอมหวาน ขยับมือเพียงไม่กี่ครั้งชุดนอนของจิตรินก็อันตรธานหายไปราวกับใช้เวทมนต์ มือหนาลูบไล้ไปทั่วผิวเนียนที่ไร้อาภรณ์ปกปิดในยามนี้ ริมฝีปากไล่ชิมรสชาติผิวบางๆอย่างถ้วนทั่วและหยุดลงเมื่อได้ชิมรสตรงเม็ดสีสวย
“อือ...”
เสียงครางครึมในลำคอเพราะความรัญจวนยิ่งทำให้อารมณ์ของจิตรินเตลิด ส่วนอ่อนไหวกลางลำตัวเริ่มมีปฏิกิริยาและปฐพีที่แนบชิดก็รับรู้ซึ่งความเปลี่ยนแปลงนั้น
“อ๊ะ ... คุณพี”
สัมผัสเย็นๆแต่แฝงความร้อนแรงของฝ่ามือปฐพีทำให้จิตรินอยากจะแทรกตัวหนีนัก ยิ่งมองเห็นว่าบนตัวอีกฝ่ายยังมีเสื้อผ้าครบชุดแต่ตัวเองไม่มีอะไรติดตัวสักชิ้นก็ยิ่งให้อายมากขึ้น แต่ถึงจิตรินจะอายแค่ไหนปฐพีก็ไม่คิดจะหยุดการกระทำไว้เพียงเท่านี้ สองแขนบอบบางยกขึ้นมาปิดบังร่างกายหากก็ไม่ได้ช่วยปกปิดส่วนใดได้มากนัก การกระทำของจิตรินนั้นกลับทำให้ปฐพียิ่งเพิ่มความปรารถนาในร่างกายนั้นยิ่งขึ้น
“อืม...”
เมื่อปฐพีรุกเร้าหนักขึ้น จิตรินก็เริ่มหลุดเสียงครางแผ่วเบาออกมาไม่ขาดสาย ดวงตาคู่สวยปรือปรอยมองภาพปฐพีที่ค่อยๆถอดชุดนอนออกอย่างไม่อาจละสายตา ภายใต้แสงไฟสลัวทำให้มองเห็นเรือนร่างกำยำได้ไม่ชัดนัก แต่ก็ยังสามารถมองเห็นรายละเอียดได้
จิตรินมองสำรวจร่างกายของปฐพีจนสายตาเลื่อนไปเห็นความปรารถนาที่กำลังตื่นตัวเต็มที่ ร่างบางสั่นไหวและเขยิบตัวถอยหนีด้วยความตื่นกลัว แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกในการแนบชิดกัน แต่เป็นครั้งแรกที่จิตรินได้มีโอกาสมองอีกฝ่ายเต็มตาอย่างนี้ ปฐพีเห็นอาการตื่นกลัวของจิตรินจึงลงมากอดร่างบางเอาไว้อย่างปลอบโยน
“กลัวหรือ”
เสียงถามอย่างปราณี แต่แววตายังเต็มไปด้วยความปรารถนาทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากหยุด จิตรินอยากจะหนี อยากจะถอย อยากจะบอกและขอร้องให้ปฐพีหยุดเพราะตนเองกลัวอย่างที่ปฐพีถามมาจริงๆ แต่พอได้มองใบหน้าของอีกฝ่ายแล้วจิตรินก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตนเองก็มีความปรารถนาในตัวอีกฝ่ายไม่แพ้กัน จิตรินอยากให้ปฐพีกอด อยากให้ปฐพีรัก สองแขนของร่างบางจึงกอดคล้องคอของปฐพีเอาไว้ คล้ายเป็นการบอกให้ร่างสูงได้รู้ว่าตนเองเต็มใจ
“ไม่ต้องกลัวนะ ผมไม่มีทางทำร้ายคุณ”
เสียงกระซิบที่ข้างหูนั้นยิ่งทำให้จิตรินเบียดตัวเองเข้าแนบชิด ริมฝีปากทั้งสองแนบประกบกันอีกครั้ง และมันดุดันรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ จิตรินสะท้านไปทั่วร่าง การจุมพิตที่ราวกับไม่มีที่สิ้นสุดนี้ให้ความรู้สึกเหมือนว่าร่างทั้งสองร่างแนบสนิทกันจนหลอมรวมเป็นหนึ่ง
“อ๊ะ”
เมื่อปฐพีเข้ากอบกุมส่วนอ่อนไหวไว้ในมือแล้วเริ่มขยับช้าๆ ลมหายใจของจิตรินก็หอบสะท้านอย่างไม่อาจห้าม ยิ่งเมื่อปฐพีเลื่อนมือลงต่ำเพื่อขยายช่องทางด้านหลัง ความร้อนแปลกๆก็ไหลซ่านจากท้องน้อยไปทั่วร่าง
“อะ เดี๋ยว”
แม้จะพยายามป่ายปัดด้วยความอาย แต่ปฐพีก็ไม่ได้หยุดมือทั้งยังค่อยๆเพิ่มนิ้วมือช้าๆจากหนึ่งเป็นสองและจากสองเป็นสาม จิตรินอารมณ์พุ่งขึ้นสูงจนแทบจะลืมหายใจ มือบางเอื้อมไปจับบ่าแข็งแรงไว้อย่างหาที่ยึดเกาะ
“คุณพี”
เสียงเล็กเรียกชื่อปฐพีอย่างคล้ายจะขอร้อง ราวกับจะเป็นการบอกให้ปฐพีก็รู้ว่าร่างข้างใต้นี้พร้อมสำหรับตัวเองแล้ว ร่างสูงขยับตัวแล้วค่อยๆฝังร่างลงสู่ช่องทางอุ่นชื้นช้าๆ ความอึดอัดเข้าถาโถมแม้จะได้รับการเตรียมการไว้ก่อน มันไม่เจ็บอย่างที่ปฐพีสัญญา หากแต่ก็แสนจะอึดอัดเหลือเกิน จิตรินเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะค่อยๆผ่อนลมหายใจเพื่อผ่อนคลายและนั่นทำให้ปฐพีค่อยๆดันความแข็งขึงเข้าไปช้าๆ พร้อมๆกับที่จูบปลอบประโลมให้จิตรินผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น มือหนาเข้ากอบกุมส่วนอ่อนไหวชองจริงตรินอีกครั้งแล้วขยับมือกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง
“อือ....อะ”
ยามเมื่อเสียงครวญครางเล็ดลอดออกมา ปฐพีก็สามารถดันร่างเข้าไปได้จนหมดในที่สุด
“รักคุณ”
เสียงกระซิบข้างหูดึงสติของจิตรินกลับคืนมา คำที่รอฟัง คำที่อยากได้ยิน ร่างบางปรือตาขึ้นมองปฐพีว่าเขาพูดด้วยความรู้สึกแบบไหน แล้วเมื่อได้สบสายตาที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่จริงจังก็ทำให้เผลอยิ้มออกมาไม่ได้
“ผมก็รักคุณพี”
เสียงกระซิบตอบกลับแม้จะแผ่วเบาแต่ก็ทำให้ปฐพียั้งใจไว้ไม่ไหวอีกต่อไป เขาครางฮึ่มในลำคอแล้วเริ่มขยับร่างกายอย่างช้าๆ
“ตริน”
เสียงเรียกชื่อนั้นทำให้ส่วนที่โอบรัดยิ่งรัดแน่น ปฐพีค่อยๆขยับจังหวะให้เร็วขึ้น ร่างข้างใต้สั่นไหวตามแรงจนต้องจับบ่าหนาไว้เป็นหลักยึด แรงกระแทกกระทั้นรุนแรงแต่ก็อ่อนโยนในจังหวะเดียวกัน ปฐพีขยับครั้งแล้วครั้งเล่าๆ จนจิตรินซึ่งโดนกระตุ้นทั้งสองทางก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหวก่อน
“คุณพี ผมจะไป”
ปฐพีลูบหน้าผากชื่นเหงื่อของอีกฝ่ายอย่างทะนุถนอม ริมฝีปากแนบลงอีกครั้งพร้อมๆกับการขยับที่รุนแรงและถี่กระชั้นยิ่งขึ้น ในที่สุดร่างทั้งสองก็สะท้านเฮือก สายน้ำแห่งความปรารถนาหลั่งรินออกมาพร้อมกันๆ จิตรินปลดปล่อยความต้องการไปพร้อมๆกับที่รู้สึกถึงความอุ่นซ่านในช่องทางลึกล้ำ
ปฐพีเองก็รับรู้ถึงความบีบรัดที่ยังคงแน่นไม่คลาย ร่างสูงฟุบลงบนตัวร่างบางแล้วทอดถอนใจ ขมับของจิตรินโดนจุมพิตแผ่วเบาคลายปลอบโยน และนั่นทำให้จิตรินยิ้มออกมาถึงแม้ว่าจะเหนื่อยอ่อนไปทั้งร่างกาย
“ขอบคุณที่เลือกผมนะครับ”
เสียงกระซิบเจืออาการหอบหายใจทำให้ปฐพียิ้มก่อนจะกระซิบตอบกลับไป
“ผมไม่เคยต้องเลือกหรอก เพราะมีแค่คุณเพียงคนเดียวเท่านั้น”
................................
วันนี้จิตรินตื่นสาย
ร่างบางได้แต่บ่นตัวเองที่ลงให้ปฐพีมากเกินไปจนยอมตามใจปล่อยอีกฝ่ายตักตวงความสุขจากร่างกายตัวเองเสียเต็มที่
ปฐพีให้เหตุผลกับจิตรินว่าเพราะหน้าแดงๆกับอาการขัดขืนด้วยความเขินของจิตรินมันน่ารักจนทำให้อดใจไม่ไหว จิตรินจึงแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนจวบจนถึงรุ่งสาง
แม้จิตรินจะแอบบ่นให้ได้ยิน แต่ปฐพีก็ยิ้มรับคำบ่นนั้นแถมยังแกล้งให้จิตรินได้อายด้วยคำว่า จิตรินยั่วด้วยความน่ารัก จนปฐพีอดใจไม่อยู่นั่นอีก สรุปแล้วกว่าจิตรินจะได้เข้าสู่ห้วงนิทรา นาฬิกาก็บอกเวลาสี่นาฬิกาของวันใหม่ไปเสียแล้ว
ปฐพีตื่นในเวลาที่เคยตื่นด้วยนอนน้อยเป็นเรื่องปกติ วันนี้เขาไม่มีคนคอยช่วยจัดเสื้อผ้าให้อย่างทุกวัน แต่ปฐพีกลับไม่รู้สึกอารมณ์ไม่ดีเลยสักนิด เขามองคนที่ปกติต้องตื่นมาจัดเสื้อผ้าให้เขานอนหลับสนิทบนเตียงแล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ ทั้งๆที่ปกติจิตรินก็น่ารักอยู่แล้วในสายตาเขา แต่เมื่อคืนยิ่งน่ารักมากๆ จนปฐพีห้ามตัวเองแทบไม่ไหว เขาไม่อยากหยุด แต่ก็รู้ว่าร่างกายอีกฝ่ายทนไม่ไหวแล้ว ร่างสูงเดินไปจุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผากมนโดยพยายามไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว แต่จิตรินเป็นคนความรู้สึกไว ร่างบางปรือตาขึ้นมองและส่งยิ้มให้คนตรงหน้าทั้งๆที่ยังงัวเงีย
“รีบตื่นทำไมครับ”
“ผมอยากคุยกับพี่จิตตา”
ปฐพีพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง
“เดี๋ยวผมลงไปก่อน ลูกจะสายแล้ว คุณไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมจะบอกพี่สาวคุณให้”
ปฐพีว่าแล้วเดินออกมาจากห้อง ที่จริงปฐพีไม่ได้อยากออกมาเลยสักนิด แต่ก็กลัวว่าหากอยู่ต่อจิตรินคงไม่ได้ไปคุยอะไรกับใครที่ไหน เพราะปฐพีอยากจะกักจิตรินเอาไว้แค่บนเตียงเท่านั้นจริงๆ
“หม่าม้าล่ะฮับ”
เด็กชายถามขึ้นทันทีที่คุณพ่อปรากฏตัวแต่ไรวี่แววของหม่าม้า ทั้งๆที่เมื่อคืนหม่าม้าบอกว่าจะไปนอนห้องของคุณพ่อ
“ไม่สบายนิดหน่อยครับ พ่อเลยให้นอนพักก่อน น้องเอิร์ธอย่าไปกวนหม่าม้านะครับ”
เด็กชายพยักหน้ารับเพราะรู้ว่าคนป่วยต้องพักผ่อนมากๆ และเวลาหม่าม้าป่วยก็ชอบไล่ไม่ให้น้องเอิร์ธใกล้เพราะกลัวติดไข้
แต่จิตตากลับแปลกใจไม่น้อยที่ได้รับคำบอกเล่าของปฐพี หากก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรมากเท่ากับการที่ปฐพีบอกให้จิตตาอยู่ที่บ้านก่อนไม่ต้องไปส่งน้องเอิร์ธพร้อมกันอย่างทุกวัน
“คุณตรินมีเรื่องอยากคุยกับคุณ”
เขาบอกไว้เพียงเท่านั้นแล้วก็พาลูกชายออกไป
ความจริงปฐพีจะเป็นคนพูดกับจิตตาเองเสียก็ได้ แต่เขาคิดว่าให้จิตรินคุยก็ดีเหมือนกัน หากปฐพีเป็นคนพูด จิตตาคงไม่ยอมรามือง่ายๆเพราะส่วนสำคัญคือการตัดสินใจของจิตรินต่างหาก
“พี่จิตตา”
ใบหน้าของจิตรินดูอิดโรย แต่ก็ดูมีน้ำมีนวล จิตตาไม่อยากจะคิดเลยว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้น ทำไมปฐพีถึงบอกว่าจิตรินไม่สบายทั้งๆที่นอกจากท่าทางอิดโรยราวกับคนอดนอนนั่นแล้ว จิตรินก็ไม่มีความผิดปกติอะไรอีก
“ไปคุยกันในสวนนะครับ”
จิตตาพยักหน้าก่อนจะเดินตามน้องชายไป
“แกจะเลือกผู้ชายใช่ไหม”
ทันทีที่นั่งลง จิตตาก็สาดคำพูดแรงๆใส่จิตรินอย่างเคย แม้จะอึ้งไปในคำกึ่งกล่าวหาของพี่สาว แต่จิตรินก็แอบยอมรับว่าสิ่งที่ตัวเองทำนี้เข้าข่ายเลือกผู้ชายมากกว่าพี่สาวจริงๆ
“เรารักกันครับ”
จิตรินพูดเบาๆ ไม่ใช่ไม่มั่นใจ ไม่ใช่กลัวใครมาได้ยิน แต่เพราะไม่อยากจะตอกย้ำความจริงเรื่องนี้ให้พี่สาวฟัง ถึงอย่างไรจิตรินก็อยากรักษาน้ำใจพี่สาวคนเดียวของตนเองไว้ให้ได้มากที่สุด
“แกแน่ใจได้ยังไงว่าเขารักแก แกมั่นใจหรือว่าไม่ใช่เพราะหน้าตาแกเหมือนฉัน”
มันก็จริง จิตรินเคยคิดอย่างนั้น แต่เพราะคำว่ารักจากปากของอีกฝ่ายมาปัดเป่าความคิดเรื่องนั้นจนหมดไปเสียแล้ว ... จิตรินมั่นใจในตัวปฐพี มั่นใจในความจริงจังและจริงใจของผู้ชายที่ตัวเองรักเกินกว่าจะคิดว่าคำว่ารักที่ออกมาจากปากอีกฝ่ายนั้นเป็นเพียงเพราะตัวเองหน้าเหมือนพี่สาว ปฐพีที่จิตรินรู้จักไม่มีทางพูดคำว่ารักหากไม่มั่นใจว่ารักจริงๆ
ทั้งสองคนเงียบไปนานจนจิตตาคิดว่าครั้งนี้ตัวเองก็คงทำสำเร็จอย่างทุกครั้ง แต่แล้วผู้เป็นน้องชายกลับหยิบสิ่งที่ถูกเก็บไว้ในถุงผ้าลายสวยแล้วเลื่อนส่งมาให้
“อะไร?”
จิตรินยิ้มให้พี่สาวบางๆ ครั้งนี้เป็นการวัดใจด้วยความมั่นใจในตัวปฐพีอย่างแท้จริง
“แหวนครับ คุณพีให้ผมมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ... ผมหมายถึงก่อนเขาจะพบกับพี่”
จิตตาหยิบแหวนทองคำขาวที่มีเพชรเม็ดเล็กๆฝั่งอยู่ขึ้นมาดู ก่อนจะมองหน้าจิตรินอย่างต้องการค้นหาคำตอบ
“ครั้งแรกที่เจอกัน คุณพีสวมให้ผมกับมือ ผมไม่เคยบอกพี่มาก่อน และคิดว่าคุณพี่น่าจะไม่เคยถาม มันมีความหมายกับผมมากมาโดยตลอด”
“แกตั้งใจจะทำอะไรกันแน่”
จิตตาเริ่มตามน้องชายไม่ทัน จิตรินสูดลมหายใจเข้าลึกๆเรียกความมั่นใจของตัวเองอีกครั้งก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงมั่นคง
“ผมอยากให้พี่ลองใช้แหวนวงนั้นเพื่อขอกลับมาคืนดีกับคุณพี หากคุณพีอยากกลับไป ผมจะถอยไปเอง”
จิตตามองน้องชายอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เธอคิดเสมอว่าน้องชายอ่อนแอ และยอมเธอทุกอย่าง หากเธอเอ่ยปากจิตรินต้องล่าถอยอย่างเคยแน่ แต่คราวนี้มันต่างไป สมองอดคิดไปถึงผู้ชายคนนั้นไม่ได้ ผู้ชายที่เป็นพ่อของลูกเธอ ผู้ชายที่กุมหัวใจน้องชายเธอมาโดยตลอด ผู้ชายที่เธอแย่งมาจากน้องชายตัวเองครั้งหนึ่ง และกำลังตั้งใจจะทำมันอีกเป็นครั้งที่สอง
“ได้ ฉันจะลอง หวังว่าแกจะไม่ขัดขวางฉันไม่ว่าทางใด”
“ครับผมรับปาก”
จิตตาหยิบแหวนวงนั้นมาเก็บแล้วตั้งใจจะลุกขึ้น
“เดี๋ยวครับ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ผมอยากให้พี่ยอมรับ เหมือนๆกับผมที่พร้อมจะยอมรับ และผมอยากขอแหวนคืนเพราะมันมีความหมายกับผมมากจริงๆ”
จิตตาพยักหน้าก่อนจะออกก้าวเดิน
“ยังไงพี่ก็เป็นพี่สาวผมเสมอนะครับ ไม่ว่าจะยังไงผมก็ไม่มีทางทิ้งพี่”
คำพูดที่ลอยมาตามลมอย่างไม่ได้ต้องการให้คนฟังรับรู้และจิตตาเองก็ไม่ได้หยุดฟังมัน หากก็ชัดเจน ชัดเจนเสียจนจิตตารับรู้ได้ทุกถ้อยคำ
....................................
ตรินเข้มแข็งมากกกก !
นับถือๆ
ตรินเข้มแข็งมากกกก !
นับถือๆ
IDขายของในเล้าเป็ด
หน้าที่เข้าชม | 189,498 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 83,947 ครั้ง |
เปิดร้าน | 15 ธ.ค. 2555 |
ร้านค้าอัพเดท | 3 ส.ค. 2568 |