ตอนที่ 16
ผมลืมตาขึ้นมองเพดานห้องและกวาดตาไปรอบๆ เพื่อพยายามรำลึกว่าผมอยู่ที่ไหน เพดานที่สร้างขึ้นจากกระเบื้องและฝาห้องสร้างจากไม้ไผ่ ต่างจากห้องพักที่มีแต่ปูนและปูนของผมมาก เครื่องเรือนทุกชิ้นก็ต่างไป ที่นี้ไม่ใช่ห้องผม
หางตาผมยังชื้นด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาขณะยังหลับ.. ฝันเมื่อคืน... ฝันที่ฝันซ้ำๆครั้งแล้วครั้งเล่า...ฝันที่เตือนความทรงจำย้ำความจริง!
น้ำตาที่เกือบจะแห้งไปอยู่แล้วกลับไหลออกมาอีกครั้ง ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาแรงๆโดยไม่สนใจว่าดวงตาอาจบอบช้ำ อยากหยุดร้องไห้ แต่ยิ่งพยายามยับยั้ง น้ำตาก็ยิ่งไหล
ผมเหนื่อย...ร้องไห้จนเหนื่อย...เสียใจจนเหนื่อย...เจ็บจนเหนื่อย...และรักจนเหนื่อย
...........................................
“ไปไหนครับเนี่ย”
หลังจากที่ออกมาจากที่ทำงาน คุณไม้ที่บอกจะมาส่งผมกลับขับรถไปคนละทาง นี่ไม่ใช่ทางไปห้องผม ไม่ใช่ทางลัด ไม่ใช่ทางอ้อม ผมเริ่มหวั่นใจ จึงถามขึ้นมาเบาๆ ที่ต้องถามเบาๆก็เพราะกลัวคุณไม้จับน้ำเสียงหวาดหวั่นของผมได้ แต่ผมน่าจะรู้ ผมไม่มีทางปกปิดอาการนี้จากสายตาของคุณไม้ได้ คุณไม้หันมายิ้ม ยิ่งเห็นผมอยู่ไม่นิ่ง ร้อนใจแบบนี้เขาก็ยิ่งยิ้ม
“ไม่พาไปขายหรอกน่า”
ผมกัดริมฝีปากตัวเอง รู้ว่าคุณไม้จะไม่บอกผม เพราะชอบใจที่เห็นผมหวาดหวั่น เขาจะรู้ไหมว่าตอนนี้ผมอยากให้ถูกพาไปขายมากกว่าจะไปไหนกับคุณไม้สองคน
คุณไม้ขับรถมาจนถึงร้านอาหารกึ่งผับที่หนึ่ง พอจอดรถเขาก็ลงจากรถทันที ส่วนผมยังนั่งนิ่ง ไม่ลงไปด้วย เรื่องอะไร อยู่ดีๆก็พามาที่ไหนไม่รู้แบบนี้ ไม่ยอมหรอก คุณไม้ที่เดินไปได้สองสามก้าว คงรู้สึกตัวว่าผมไม่ตามลงไปเลยเดินย้อมกลับมา
“ลงมาสิ”
เปิดประตูด้านผมพร้อมบอกด้วยน้ำเสียงเหมือนจะขำ ผมส่งค้อนให้คุณไม้ด้วยหางตาแล้วมองไปอีกทางเหมือนไม่สนใจ
“อย่าดื้อน่า”
คุณไม้กำลังกลั้นหัวเราะ มีอะไรตลกหนักหนา หน้าตาท่าทางของคุณไม้บอกว่ากำลังสนุก นอกจากผมจะเป็นเครื่องมือเอาไว้ใช้ไล่ผู้หญิงแล้ว ยังเป็นตัวตลกของคุณไม้ได้อีก อเนกประสงค์จริงๆเลยผม
“ลงมาน่า เร็วเข้า ฉันนัดคนอื่นไว้นะ”
ผมขยับตัวตามแรงดึง ไม่ใช่เพราะอยากลงมาหรอก แต่เพราะคุณไม้บอกว่ามีคนรออยู่ ผมก็คิดว่าเป็นเรื่องงานและก็ไม่อยากให้เขามาว่าเอาได้ว่าเล่นตัวจนทำให้เสียงาน
แต่เมื่อเข้ามาข้างใน คนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วคือคุณภพเพื่อนของคุณไม้ คุณภพนั่งอยู่กับสาวสวยอีกคนหนึ่ง ทั้งสองลุกขึ้นทันทีที่เรามาถึง ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาหาคุณไม้แล้วทั้งสองคนก็สวมกอดกัน
“คิดถึงไม้จัง”
เสียงหวานหูดังจากริมฝีปากของเธอคนนั้น ทั้งสองคนกอดกันอยู่นาน...อย่างน้อยๆก็ในความคิดผม...ก่อนค่อยผละออกจากกัน ทำไมต้องกอดกัน...เธอเป็นอะไรกับคุณไม้..ในขณะที่ผมพยายามคิด เธอก็หันมามองหน้าผมโดยที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว จึงสบสายตาเข้ากับเธออย่างจัง
“ดีใจที่ได้เจอค่ะ”
เธอเอ่ยขึ้นพร้อมส่งยิ้มและยื่นมือมาให้ผม ผมยังมึนไม่หาย นึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าที่เธอพูดมาหมายความว่าอย่างไร
“กลอน”
คุณไม้สะกิดแขนผมให้รู้สึกตัว ผมจึงได้สติยื่นมือออกไปเพื่อจับมือกับเธอ แต่เธอกลับยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเข้ามากอดผม
“อย่าน่าพลอย”
เสียงคุณภพดังมาเบาๆอย่างระอา ร่างผมกับร่างเธอโดนดึงออกจากกัน ผมโดนคุณไม้ดึงออกมา ส่วนเธอคนนั้นโดนคุณภพดึงออกไป
“นี่พลอย คู่หมั้นผมเองครับ”
คุณภพแนะนำ....ที่แท้เธอก็เป็นคู่หมั้นกับคุณภพ แต่...ทำไมเธอต้องกอดกับคุณไม้ด้วยล่ะ คุณภพไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือที่คู่หมั้นตัวเองกอดกับผู้ชายอื่น
“พลอยเพิ่งกลับมาจากอังกฤษ เราจะแต่งงานกันเร็วๆนี่แหละค่ะ ก็เลยมาฉลองไว้ก่อน”
คุณพลอยควงแขนคุณภพไว้อย่างรักใคร่ พร้อมอมยิ้ม ท่าทางมีความสุขกับการที่จะได้แต่งงานกับผู้ชายข้างๆเธอ น่าอิจฉาผู้หญิงคนนี้จัง ที่อีกไม่นานก็จะได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนที่เธอรัก และผมก็ได้คำตอบของคำถามก่อนหน้านี้ด้วย...เธอเพิ่งกลับมาจากอังกฤษ ธรรมเนียมปฏิบัติเลยต่างกัน ที่โน้นผู้ชายกับผู้หญิงกอดกันมันไม่ใช่เรื่องแปลก เธอคงทำแบบนี้เป็นปกติ
“เลี้ยงต้อนรับพลอยกลับมาต่างหาก”
คุณไม้แย้งขึ้นมา
“เรื่องเลี้ยงแต่งงานน่ะ ไว้ค่อยมาเลี้ยงใหม่อีกที”
ทั้งสามหัวเราะกัน ส่วนผมอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก...ไม่อยากยอมรับหรอกครับ แต่ผมโล่งอกจริงๆที่คุณพลอยไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าเพื่อนของคุณไม้
หลังจากทานอาหารเสร็จก็เป็นการดื่ม ดื่ม และดื่ม ที่มีแค่สามดื่ม เพราะเขาดื่มกันแค่สามคนครับ ส่วนผมหลังจากดื่มไปสามสี่แก้ว ก็เห็นท่าว่าจะไม่ไหว เลยขอตัวเปลี่ยนเป็นน้ำอัดลม ยิ่งดื่ม ทั้งสามคนก็ยิ่งพูดไม่รู้เรื่อง คุณภพดื่มน้อยกว่าเพื่อน เลยยังดูมีสติอยู่ แต่คุณไม้กับคุณพลอยนี่พูดไม่เป็นคำแล้ว...ผมเพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าผมกับคุณไม้มาด้วยกัน คุณไม้ขับรถมา ผมขับรถไม่เป็น แล้วผมจะกลับยังไง ผมหันไปมองหน้าคุณไม้ที่กำลังคุยกันสนุกสนานกับคุณพลอยตามประสาคนเมา
“เดี๋ยวผมเรียกคนรถมารับให้ไหมครับ”
คุณภพที่ท่าทางจะเดาความคิดของผมออก พูดขึ้น ผมไม่รู้จะตอบว่าตกลงหรือปฏิเสธดีเลยได้แต่หันไปยิ้มให้ จะทำยังไงก็แล้วแต่เขาเถอะ ผมถอนหายใจออกมา คุณไม้จะมาเมามันก็เรื่องของเขา แต่ทำไมต้องลากผมมาด้วยก็ไม่รู้ หรือกลัวว่าถ้าอยู่กันแค่สามคนแล้วตัวเองจะเป็นส่วนเกิน ...ก็ไม่น่านะ เท่าที่นั่งมานี่ ผมอยู่ไม่อยู่ก็ไม่ต่างกันเลย คุณไม้กับคุณพลอยคุยกันอยู่สองคน ในขณะที่คุณภพทำหน้าที่นั่งฟัง มีพูดบ้างเล็กน้อย แต่ผมนี่สิ พูดเฉพาะที่คนอื่นถามมาเท่านั้น แทบไม่มีบทบาทอะไรกับเขาเลย
“นี่แก้วนี้ของภพน้า”
คุณพลอยที่เมาได้ที่หันมาทางคุณภพพร้อมส่งแก้วแอล์กอฮอล์สีเข้มให้ คุณภพส่ายหัวแล้วบอกว่า
“ต้องขับรถ”
คุณพลอยทำหน้าขัดใจ แล้วเมินไปอีกทาง คุณภพส่ายหัวกับท่าทางนั้นแต่ก็ยอมหยิบแก้วขึ้นมา ปากก็บอกว่าแก้วสุดท้ายแล้วนะ คุณพลอยจึงหันกลับมายิ้มอย่างดีใจ แต่คุณภพยังไม่ทันได้ดื่ม คุณไม้ที่มองมานานกลับแย่งแก้วมาไว้ในมือและดื่มรวดเดียวจนหมด
“555”
คุณไม้หัวเราะอย่างพอใจที่แกล้งคุณพลอยได้ คุณพลอยทำหน้าขัดใจ เมื่อคุณไม้หัวเราะเยาะ แต่อยู่ๆก็เปลี่ยนเป็นอมยิ้ม
“เดี๋ยวจะรู้สึก”
พูดแค่นั่นแล้วคุณพลอยก็ชวนคุณภพกลับ ก่อนกลับคุณพลอยหันมากระซิบกับผมว่า ไม่ต้องไปส่งคุณไม้ ให้เขากลับไปคนเดียว...ทำไมผมถึงไปส่งคุณไม้ไม่ได้ล่ะ ไม่สิ ผมไม่ได้อยากไปส่งเขาสักหน่อย
... แต่คนเมาที่เหมือนไม่มีสติเท่าไหร่เกาะผมไว้แน่น ขนาดคนรถมารับก็ยังเอาผมไปนั่งซ้อนตักหน้าตาเฉย แล้วคนเมา ยิ่งเมายิ่งแรงเยอะรึไงนะ ผมดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุด หรือเพราะพักนี้ผมมัวแต่ยุ่งๆกับปัญหาชีวิต ไม่ค่อยได้ออกกำลังหรือฝึกซ้อม ร่างกายมันเลยฝืดๆหรือเปล่านะ
รถมาจอดที่หน้าบ้านคุณไม้ คนที่นั่งอยู่ข้างหลังผมนั่งนิ่ง เขาไม่ได้หลับผมแน่ใจ แต่ทำไมเขาถึงเงียบไปล่ะ
คนขับรถมาเปิดประตูให้ ผมก้าวลงไปก่อนแล้วคุณไม้ก็ก้าวตามลงมา โดยไม่มีคำพูดใดๆ คุณไม้ช้อนตัวผมขึ้นและอุ้มเข้าบ้านทันที
“เฮ้ย!ปล่อยนะ”
ผมพยายามดิ้นให้เขาปล่อย แต่ก็ต้องเกาะไว้ด้วยเพราะกลัวตกลงไป คุณไม้ตรงไปยังโซฟาที่เคยนั่งทำงานด้วยกัน วางผมลงและคร่อมตัวลงมาทับผมไว้ทันที
“ฮื้อ ปล่อยนะ”
ผมใช้มือยันตัวเขาให้ออกห่าง แต่คุณไม้ไม่สะทกสะท้าน มือข้างหนึ่งกดมือผมที่พยายามผลักไส้ไว้ อีกข้างก็สอดเข้าใต้เสื้อและลูบไปตามผิวหนัง
“อย่า...”
ห้ามไปก็ไม่มีประโยชน์ คุณไม้เปลี่ยนท่าเป็นนั่งทับผมเบาๆที่ท้องน้อย และเริ่มลงมือดึงเสื้อผมออก ...กระดุมเม็ดแล้วเม็ดเล่าหลุดออกตามแรงกระชาก ไม่ว่าผมจะขัดขืนยังไงก็ดูเหมือนจะไม่สามารถทำอะไรคุณไม้ได้ แรงผมคงจะหมดเพราะเหล้าสามสี่แก้วที่ดื่มเข้าไปแน่ๆ ถึงหลังๆผมจะดื่มแต่นำอัดลม แต่สติผมมันก็เชื่องช้าลงไปมาก
ทันทีที่กระดุมถูกดึงออกจนหมด สาบเสื้อก็ถูกแยกออกจากกัน แผ่นอกเปล่าเปลือยจึงปรากฏแก่สายตา มือหน้าเข้าลูบไล้ไปทั่วทุกบริเวณ ผมอายจนไม่รู้จะทำยังไง แต่ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ใช้มือสองข้างที่ไม่เป็นประโยชน์ในการดิ้นรนปิดบังใบหน้าไว้ อย่างน้อยๆผมก็ไม่ต้องมองเห็นมัน
แต่แล้วเสียงซิบถูกรูดลงก็ทำให้ผมต้องเปิดหน้าขึ้นมา กางเกงทั้งชั้นนอกชั้นในถูกดึงลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับที่ผมโดนจับพลิกให้หันหลัง
มือหนาเลือนเข้ากุมแก่นกลางลำตัวผมไว้แล้วรูดรั้งให้มันตอบรับสัมผัส อีกมือก็วนเวียนอยู่ไม่ไกลทางเข้าด้านหลัง
“อย่านะ”
ไม่มีการฟังเสียงใดๆ นิ้วมือของคุณไม้ถูกส่งเข้าสำรวจภายในโดยไม่สนใจคำประท้วงของผม น้ำตาเริ่มซึมออกมา หัวตาร้อนผ่าว
“อย่าทำ ขอร้องล่ะ”
คำร้องขออู้อี้ พูดซ้ำไปซ้ำมา พร้อมๆกับน้ำตาที่เริ่มรินไหล คราวที่แล้วคุณไม้ก็หยุด เพราะผมในสภาพนี้ แต่ครั้งนี้คนตัวโตกว่าเขาก็ไม่รับฟัง นิ้วมือที่รุกรานเข้ามาเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ด้านหน้ายังคงถูกกระตุ้นให้มีความรู้สึกมากขึ้นๆ
“อ๊ะ....ปล่อย”
ยิ่งโดนกระตุ้นก็ยิ่งรู้สึกหน้ามืดตามัว สำนึกคิดเริ่มหมดไปจากสมอง เหลือเพียงแค่อารมณ์ร้อนที่กำลังกรุ่นอยู่ในกาย และใกล้จะระเบิดออกมาทุกที ร่างข้างบนที่เหมือนจะรับรู้ก็ยิ่งเร่งจังหวะให้กระชั้นขึ้น
“ อ๊ะ....อ๊า......”
ในที่สุดผมไม่สามารถทนได้อีกต่อไป หยาดน้ำขุ่นถูกปล่อยออกมา เปรอะไปทั่วทั้งโซฟา หน้าขา และมือคุณไม้
“อึก…เฮ้ออออ...”
นิ้วมือถูกถอนออกไป ผมปล่อยตัวทิ้งลงกับเบาะนุ่มและถอนหายใจอย่างโล่งอก คิดว่าคงจะจบแค่นี้ เหมือนคราวที่แล้ว แต่...ก็ไม่ใช่
“อะ....อึก...อย่า...อย่า”
สะโพกผมถูกดึงให้ลอยสูงขึ้นอีกครั้ง แล้วสิ่งที่ใหญ่โตกว่านิ้วมือก็แทรกเข้ามา ผมกัดริมฝีปากแน่นเพราะความเจ็บ ทั้งเจ็บทั้งอึดอัด คุณไม้ค่อยๆแทรกกายเข้ามาช้าๆ หยุดค้างเป็นบางช่วงเหมือนต้องการให้ผมผ่อนคลายลง ปากผมคงจะเป็นแผลเพราะลิ้นรับรสคาวของเลือดได้
“อึก....อึก”
แต่แทนที่ผมจะคลายฟันที่ขบแน่นบนริมฝีปากออก กลับยิ่งกัดมันแรงขึ้น ผมคิดอะไรโง่ๆอย่างถ้าเจ็บตรงริมฝีปากนี้ อาจจะลดทอนความเจ็บจากการถูกรุกรานไปได้บ้าง
“พอคุณไม้ ขอร้อง”
คุณไม้ดันกายเข้ามาจนสุด และหยุดพักอีกครั้ง เขาก้มตัวลงมากอดผมไว้จากด้านหลัง แผ่นหลังเปลือยของผมก็สัมผัสเข้ากับความเย็นของเนื้อผ้า สติที่เหลืออยู่น้อยนิดตื่นขึ้นมาด้วยความอับอาย... ในขณะที่ผมไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น คุณไม้กลับยังใส่เสื้อผ้าครบ
“อ๊ะ....อะ..หยุด”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ สติก็ถูกดึงให้จมหายไปในห้วงอารมณ์อีกครั้งเมื่อคุณไม้เริ่มขยับสะโพก
ผมรับรู้ได้ว่า สิ่งที่แทรกเข้ามามันช่างใหญ่โตและรุ่มร้อน เมื่อถูกเสียดสีด้วยสิ่งนั้น ส่วนที่ไม่ได้ถูกออกแบบไว้เพื่อให้ทำเรื่องแบบนี้ ยังคลายออกให้อีกฝ่ายทำได้ตามใจ ความเจ็บและอึดอัดในทีแรกเริ่มหายไป แล้วความรู้สึกวาบหวาม รัญจวน ก็เข้ามาแทนที่
“.....อา........”
เสียงร้องประท้วงเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงครวญคราง ผมทนฟังเสียงน่าอายของตัวเองแทบไม่ได้จึงกดหน้าลงกับเบาะโซฟา ปิดเสียงตัวเองไว้ แต่เมื่อเสียงจากลำคอผมเงียบลง เสียงเนื้อกระทบกัน และเสียงเฉอะแฉะจากการสอดแทรกก็ดังชัดเจนยิ่งขึ้น
คุณไม้ขยับ พร้อมกับที่ดึงสะโพกผมให้รับตามจังหวะนั้น แก่นกลางลำตัวของผมที่เพิ่งปล่อยความต้องการออกไปเริ่มขยายตัวขึ้นมาอีกครั้งโดยที่ยังไม่ได้โดนสัมผัสสักนิด ผมที่รับรู้ถึงปฏิกิริยาน่าอายของร่างกายตัวเองอยากแทรกแผ่นดินหนี ให้หายไปจากตรงนี้เสียจริงๆ หากแต่คุณไม้ไม่ปล่อยให้ผมคิดฟุ้งซ่านนานนัก จังหวะถาโถมถี่แรงขึ้นตามอารมณ์ที่ใกล้ไปถึงขีดสุดทุกที มือหนาอ้อมมาจับแก่นกลางลำตัวผมเพื่อกระตุ้นให้ไปพร้อมกัน ตอนนี้ผมไม่รู้แล้วว่า ร่างกายผมขยับรับจังหวะตามแรงดึงของคุณไม้ หรือเป็นการขยับด้วยตัวผมเอง
“อึก....อาาาา...”
เสียงเข้มครางฮึ่ม ก่อนที่ความอุ่นวาบจะถูกฉีดลึกเข้าไปในร่างผม พร้อมๆกับที่ผมปลดปล่อยความต้องการออกมาอีกครั้ง
ผมทรุดตัวลงกับเบาะโซฟาทันทีที่คุณไม้ปล่อยมือจากสะโพก เขาเองก็ทิ้งตัวลงมาบนตัวผม เราสองคนนอนหอบหายใจ โกยอากาศเข้าปอด ผมเหนื่อยแทบขาดใจ และแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง
แต่คนที่ทาบทับบนตัวผมกลับต่างไป ผมยังไม่ทันจะหายเหนื่อย มือหน้าก็เริ่มลูบไล้ ฟ่อนเฟ้นร่างกายผม แก่นกลางลำตัวที่ยังแทรกค้างอยู่ในกายเริ่มขยายใหญ่ขึ้นบอกให้รู้ถึงความต้องการอีกครั้ง
“อย่า.....พอแล้ว...อะ”
คำประท้วงหายไป เมื่อคุณไม้จับตัวผมให้พลิกหงายขึ้น แล้วริมฝีปากก็แนบชิดลงมา ผมพยายามใช้มือที่มีแรงเพียงน้อยนิด ผลักร่างใหญ่โตตรงหน้าออกไป แต่ก็เหมือนเดิมไม่ได้อะไรขึ้นมานอกจากสร้างความรำคาญให้คนตรงหน้าได้นิดหน่อย คุณไม้กดมือผมทั้งสองข้างลงกับโซฟา แล้วเริ่มขยับร่างกาย ริมฝีปากยังคงพรมจูบไปทั่วใบหน้า และหยุดที่หางตาเพื่อจูบซับเอาน้ำตาผมออกไว้
“กลอน...กลอน”
เสียงต่ำเรียกชื่อผมเบาๆ ซ้ำๆ ทำให้สติที่เหมือจะกลับมาของผม ลอยหายไปในทะเลอารมณ์อีกครั้ง คุณไม้ก็เรียกชื่อผม ...ชื่อผมไม่ใช่ชื่อคนอื่น ...อย่างน้อยๆคุณไม้ก็รู้ตัวว่ากำลังกอดผม และคุณไม้ก็ต้องการกอดผม เพียงแค่นี้มันก็เพียงพอแล้ว
ผมหยุดขัดขืน และปล่อยให้คุณไม้ทำตามใจ พร้อมๆกับสนองตอบไปเท่าที่จะสามารถทำได้ และดูคุณไม้จะพอใจ ถ้าผมดิ้นรน คุณไม้จะรุนแรง แต่ถ้าผมโอนอ่อน คุณไม้จะอ่อนโยน แม้ร่างกายจะคล้อยตาม แม้จะบอกตัวเองว่าแค่นี้ก็ดีถมไป แต่ไม่รู้ทำไม น้ำตาถึงยังไม่หยุดไหล และหัวใจยังคงเจ็บอยู่เหมือนเดิม
ค่ำคืนที่ยาวนาน แรงร้อนยังคงดำเนินต่อไป ผมไม่รู้ตัวว่าสถานที่เปลี่ยนจากบนโซฟากลางห้องรับแขก มาเป็นบนเตียงนอนของคุณไม้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณไม้ถอดเสื้อผ้าออกตอนไหน และค่ำคืนที่ยาวนานนี้สิ้นสุดลงยังไง สิ่งสุดท้ายที่รับรู้คือจังหวะการขยับกาย และการปลดปล่อยที่ไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไรของผม แทบไม่มีอะไรหลงเหลือในการมาถึงขีดสุดครั้งนี้ แล้วสติน้อยนิดที่มีก็ดับวูบไป
............................
ผมปรือตาขึ้นช้าๆ ร่างกายปวดเมื่อยไปหมด ส่วนลึกของร่างกายยังร้อนผ่าว... เตียงนอนสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อคนที่นอนอยู่ข้างๆผมขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
ผมได้ยินเสียงสบถเบาๆ กับเสียงบ่นพึมพำว่า
“นี่มันบ้าอะไรกัน”
ก่อนที่ร่างคุณไม้จะเคลื่อนตัวลุกไปจากเตียง
เสียงน้ำในห้องน้ำดังลอดออกมา มันบอกว่าคุณไม้เข้าไปอาบน้ำ
บทสนทนาที่ผมเคยได้ยินตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยแจ่มชัดขึ้นมา บทสนทนาระหว่างผู้หญิงสองคนที่เรียนวิชาเดียวกันกับผม
“นี่น้า น้องไม้น่ะ ถ้าได้นอนด้วยสักครั้งก็ดีสิเนอะ”
“ช่ายๆ ขอแค่กอดเราไว้สักคืน เรียกชื่อเราบนเตียงซักครั้งก็มีความสุขไปจนตาย”
ผมหัวเราะทั้งๆที่น้ำตาเริ่มรินไหล ใช่สิ ตอนนั้นผมเองก็คิดว่าถ้าได้แบบนั้นสักครั้งก็คงจะดี
แต่เอาเข้าจริงๆมันไม่ใช่ แค่นั้นมันไม่พอ
คุณไม้ที่อารมณ์เสียทันทีหลังจากเพิ่งมีอะไรกับผม เขาจะไม่ชอบใจเรื่องอะไรอีก ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เผลอมามีอะไรกับผมเข้า จะว่าไปเมื่อคืนคุณไม้ก็ท่าทางไม่ค่อยปกตินัก อาจจะเมาจนไม่มีสติถึงได้กอดผมลง พอได้สติขึ้นมาถึงเพิ่งรำลึกว่าไม่น่าทำลงไป เสียใจทีหลังงั้นสินะ
ผมร้องไห้ ร้อง ร้อง จนคุณไม้ออกมาจากห้องน้ำก็ยังไม่เลิกร้องไห้
คุณไม้เข้ามากอดผมไว้ มือก็ลูบหัวผมเบาๆเหมือนจะปลอบขวัญ ผมพยายามสะบัดตัวออก แต่แรงก็ไม่มี แถมพอขยับตัวผมก็เจ็บร้าวไปทั้งกาย ก็เลยต้องนิ่งให้คุณไม้กอดไว้อย่างนั้น ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย ทำไมต้องมาทำใจดีกับผม ทำไมต้องอ่อนโยน ถ้าไม่ต้องการผมทำไมถึงได้กอด ถ้าจะมาเสียใจทีหลังทำไมเมื่อคืนถึงได้เรียกชื่อผม ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจคุณไม้เลยจริงๆ
.....................................................
ผมขยับตัวลุกขึ้นหลังจากที่ร้องไห้จนเหนื่อยและนอนหลับไปอีกครั้ง ครั้งนี้ที่ลืมตาขึ้นมาทั้งห้องก็ว่างเปล่า ร่างกายผมดูเหมือนจะมีเรี่ยวแรงมากขึ้นหลังจากได้นอนพักยาว ผมขยับตัวช้าๆไปยังขอบเตียงเพื่อลุกไปอาบน้ำบ้าง แต่...ร่างกายที่ควรจะเหนียวเหนอะกลับสะอาดสะอ้าน ส่วนลึกในร่างกายที่น่าจะมีสิ่งคงค้างกลับไม่มีอะไร...คุณไม้งั้นหรือ... ผมส่ายหัวไล่ความคิดนั้นออกไป ไม่น่าจะใช่ คุณไม้คงไม่ทำอะไรแบบนั้นให้คนอย่างผมหรอก คงใช้ให้คนอื่นมาทำมากกว่า คิดแล้วก็เจ็บใจ ที่คนอื่นมาเห็นร่างกายผม แถมเป็นร่างกายที่เพิ่งผ่านเรื่องน่าอายแบบนั้นมาซะด้วย
ผมขยับเดินช้าๆไปจนถึงหน้าห้องน้ำ แต่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปสายตาก็พลันไปสะดุดเข้ากับกระดาษแผ่นหนึ่ง
“ไปธุระ เดี๋ยวกลับ”
ข้อความจากลายมือที่ผมจำได้ว่าเป็นของคุณไม้ เขียนไว้ ห้วนๆ สั้นๆ อย่างเคย เหมือนเวลาที่เขาสั่งงานผม …เหมือนต้องการให้ผมรอจนกว่าเขาจะกลับมา
แต่นี่ไม่ใช่เวลาทำงาน ถึงใช่ผมก็ไม่คิดจะทำงานกับเขาอีกแล้ว ผมเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย ร่องรอยจากการถูกสัมผัสเมื่อคืนยังคงหลงเหลือแทบทุกตารางนิ้วบนตัว.. แต่อีกไม่นานร่องรอยเหล่านี้มันก็จะจางหายไป ...ผมหวังว่ารอยในใจผมเองก็จะจางหายไปในเร็ววันเช่นกัน....น้ำช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น และมีแรงมากขึ้น...แต่น่าเสียดายที่หยาดน้ำ ไม่สามารถชำระล้างจิตใจผมให้รู้สึกดีขึ้นได้
ผมแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ต้องรีบออกไป ก่อนที่คุณไม้จะกลับมา ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมฟังอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคำพูดแบบไหน จะคำขอโทษ คำแก้ตัว คำดูถูก หรือคำว่ากล่าวอะไรผมก็ไม่อยากฟัง บางทีวันที่ผมพร้อมจะฟังมันอาจจะไม่มีอยู่เลยก็ได้
ผมไม่มีทางอยู่รอจนเขากลับมา
สำหรับผม ผมคิดว่า ผมเจ็บมามากพอแล้ว และไม่ต้องการจะเจ็บอีกต่อไป ผมเหนื่อย เหนื่อยเกินกว่าจะทำใจเผชิญหน้ากับคุณไม้ได้อีก
ผมอยากหนีไปไกลๆ ไม่สิ ผมต้องหนีต่างหาก ต้องไปให้พ้นจากเขา จนกว่าผมจะทำใจให้ลืมเขาได้ อันที่จริงไม่ต้องพบต้องเจอกันอีกเลยคงดี
.............................
IDขายของในเล้าเป็ด
หน้าที่เข้าชม | 189,498 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 83,947 ครั้ง |
เปิดร้าน | 15 ธ.ค. 2555 |
ร้านค้าอัพเดท | 3 ส.ค. 2568 |